ขั้นตอนการเปลี่ยนเลขทะเบียนรถยนต์ (กทม.)

สืบเนื่องจากกรมการขนส่งทางบกมีการปรับเปลี่ยนวิธีการจองเลขทะเบียนรถใหม่ โดยเปิดรับจองผ่านทางเว็บไซต์จองเลขทะเบียนรถ ซึ่งผมพยายามค้นหาวิธีในเน็ตก็มีแต่แบบเก่าไม่อัพเดต ผมจึงได้ลองผิดลองถูกเอง เสียเวลาไปบ้าง เลยคิดว่าจะเขียนลงบล๊อกไว้เป็นวิทยาทานเพื่อให้คนที่คิดจะเปลี่ยนเลขทะเบียนรถแบบผมได้มีไกด์ไลน์ให้พอทำตามได้บ้างครับ ส่วนคนที่ออกรถใหม่จะจองเลขทะเบียนก็ทำตามได้ครับ แต่พอจองเลขได้แล้วค่อยส่งต่อให้ทางไฟแนนซ์หรือเซลส์รับไม้ต่อไปจดทะเบียนให้

ก่อนอื่นนะ ผมมีรถยนต์อยู่แล้วไม่ได้ออกรถใหม่ มีเลขทะเบียนเดิมอยู่แล้ว เป็นทะเบียนกรุงเทพมหานคร ผมไม่ได้จะย้ายรถเข้าหรือออกไปจังหวัดไหน ผมต้องการแค่เปลี่ยนเลขทะเบียนใหม่เป็นเลขที่ผมชอบและถูกโฉลกถูกชะตาผม โดยเป็นทะเบียนในหมวดที่เขาเปิดให้จองในเว็บนั่นแหละครับ ในเว็บผมคิดว่าเฉพาะส่วนกลางนะคือกรุงเทพมหานคร ส่วนต่างจังหวัดผมไม่แน่ใจลองสอบถามกรมการขนส่งฯประจำจังหวัดท่านดูนะครับว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร

หน้าตาเว็บที่รับจองเลขทะเบียนครับ

หลักเกณฑ์การจองเลขทะเบียนรถผ่านอินเตอร์เน็ต

1. กรณีรถใหม่ ท่านต้องได้รับรถยนต์มาแล้ว จึงจะจองเลขทะเบียนได้
2. ท่านสามารถใส่เลขทะเบียนที่เปิดให้จองได้ตามตารางจองเลข ได้ครั้งละ 1 เลข และสามารถใส่เลขใหม่ได้จนกว่าจะจองเลขทะเบียนได้
3. สามารถตรวจการจองเลขได้ที่หน้าผลการจองเลข และต้องจดทะเบียนก่อนวันที่กรมกำหนด หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว สิทธิในหมายเลขนั้นจะตกไป
4. เมื่อจองเลขทะเบียนรถได้แล้ว จะสามารถจองเลขทะเบียนรถยนต์ได้ใหม่อีกครั้งหลังจาก 3 เดือน
5. เลขทะเบียนที่ท่านจองได้จะไม่สามารถยกเลิก หรือเปลี่ยนแปลงเป็นชื่อผู้อื่นได้
6. ข้อควรระวัง ชื่อ – นามสกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน หากอักษร หรือตัวเลข ไม่ตรงตามบัตรประจำตัวประชาชน หรือเลขทะเบียนบริษัทไม่ตรงกับเอกสารนิติบุคคล ให้ถือว่าไม่ใช้บุคคลเดียวกัน จะไม่สามารถนำเลขไปจดทะเบียนได้
7. ให้ใส่เลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือเลขทะเบียนการค้า หรือ เลขหนังสือเดินทาง ต้องติดกัน เช่น เลขบัตรประจำตัวประชาชน 3529999227711, เลขหนังสือเดินทาง P110234 เป็นต้น
8. หากรูปแบบการใส่ ชื่อ – นามสกุล และเลขบัตร ผิดไปจากที่กำหนดให้ตกเป็นโมฆะ
9. การจอง จะเปิดให้จองเป็นแบบวันต่อวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึง 16.00 น. ของวัน ตามตารางจองเลข
10. คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง (1 IP Address) สามารถจองได้เลขเดียวในวันนั้นๆ
11. กรมฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลการจองตามความเหมาะสมโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
12. หากมีข้อผิดพลาดในการจอง ไม่ว่ากรณีใดๆ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการเปลี่ยนหมวดอักษรให้ใหม่และจะแจ้งให้ทราบ

ตารางจองเลขทะเบียน

ท่านที่ต้องการเลขใดก็ให้คลิกที่ ตารางจองเลข เพื่อเปิดดูครับว่ากรมฯเขาเปิดให้จองหมวดไหนและรันถึงเลขใดแล้ว ถ้าท่านเป็นรถเก๋งรถยนต์นั่งไม่เกิน7คนหรือรถกระบะ4ประตูให้ดูตารางบนสุด รถตู้ก็ดูตารางกลาง รถกระบะ2ประตูดูตารางล่างสุดครับ อย่างในรูปนี้ถ้าท่านต้องการหมวดนี้คือ 4กฌ xxxx ท่านก็ดูเลยว่าต้องมากดจองวันไหน สมมติว่าท่านต้องการเลข 4กฌ7001 ท่านก็กดเข้าไปเลยในวันพุธที่ 22 เม.ย. เริ่มเปิดจองตั้งแต่ 10.00 น.เป็นต้นไปทางหน้าเว็บเท่านั้น พอสิบโมงตรงก็คลิกได้เลยที่ จองเลขทะเบียน

1. คลิกเข้ามาเจอหน้านี้ก่อนเลยครับ มันจะใช้เวลารันรอคิวประมาณ 60 วินาที เพราะฉะนั้นถ้าเลขที่ท่านต้องการดูแล้วนิยมมาก ท่านควรรอหน้าจอคอมฯหรือมือถือแล้วคลิกเข้าไปตอนเวลา 9.59 น.ครับ มันจะรันเวลาไปพอดี 10.00 น.

2. พอตัวเลขรันนับถอยหลังเสร็จจะมาเป็นหน้าจอนี้ ท่านก็แค่ติ๊กถูกในช่องและคลิกยอมรับหลักเกณฑ์

3. ก็จะเข้ามาหน้าจอล่างนี้ ท่านก็คลิกเลือกตามประเภทรถของท่าน

4. เสร็จแล้วก็มาไล่กรอกตามช่องที่เขามีให้ ผมขอแนะนำว่าหากท่านจะจองเลขที่แข่งกันมากๆเช่น 99xx หรืออะไรก็ตามที่ความหมายมงคล ท่านควรเข้ามาหน้านี้และกรอกไว้ล่วงหน้าครับ(ก่อนสิบโมงก็เข้ามากรอกไว้ก่อนได้ แต่จะกด”จองเลข”ไม่ได้แค่นั้นเอง) เพื่อให้บราวเซอร์ของคอมฯหรือมือถือท่านจดจำข้อมูลที่ท่านกรอกไว้เลย และพอท่านจะจองจริงๆตอนสิบโมง ท่านก็แค่คีย์ตัวอักษรแรกในช่องนั้นๆ มันจะโชว์ของเก่ามาให้ท่านคลิกเลย ไวกว่าพิมพ์เองเยอะเชื่อผม มัวมานั่งพิมพ์ใหม่ไม่ทันกินพวกเซียนๆที่เขาจองเลขนะครับ อย่าลืมนะท่านต้องเช็คชื่อ นามสกุล เลขบัตรประชาชน เลขตัวถัง ยี่ห้อ เบอร์โทรศัพท์ เอาให้ถูกต้องนะครับ อย่าผิดเป็นอันขาด ไม่งั้นหมดสิทธิแก้ไขนะ เลขที่จองได้ก็เอาไปจดทะเบียนไม่ได้ เป็นโมฆะไปเลย

5. หน้าจอตัวอย่าง(มีเซ็นเซอร์) หลังจากผมแย่งชิงเลขที่ต้องการมาได้สำเร็จ กว่าจะได้เลขนี้ผมพยายามจองอยู่ก่อนหน้านี้ตั้ง 2 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ จองสู้พวกเซียนๆไม่ได้ ขนาดเข้าไปจองตอนสิบโมงเป๊ะๆเลยนะ เขาไวกันจริงๆ ผมต้องรออยู่เป็นเดือน เลขรันไป 2-3 หมวด เพื่อให้ได้เลข 4 ตัวหลังที่ผมต้องการ และแล้วในที่สุดวันที่ 23 มีนาคมผมขับรถไปหาลูกค้าข้างนอก นึกขึ้นได้ตอนก่อนสิบโมงเช้าว่าวันนี้คือวันรับจองเลขที่ผมรออยู่ ผมรีบจอดรถแอบข้างทาง(แบบปลอดภัย) หยิบมือถือขึ้นมาเปิดเน็ต 4G เอาเน็ตเร็วที่สุดเท่าที่มี แล้วคลิกเข้ามาจองครับ แล้วทำตามขั้นตอนข้างบน ใจเต้นมากๆลุ้นว่าจะได้ไหม หลุดเข้ามาในหน้ากรอกข้อมูลจองตอน 10.00 น. ผมก็ไล่คลิกกรอกข้อมูลไป เพราะเคยกรอกในมือถือไว้แล้ว ใช้เวลาไม่นานก็ครบ แล้วผมก็คลิก “จองเลข” ตอน 10.01 น. สุดท้ายก็จองสำเร็จครับ ดีใจได้เลขที่ต้องการ โดยเลขนี้ผมต้องนำมาจดทะเบียนก่อน 4 พ.ค. ไม่งั้นโดนตัดสิทธิ ก็โอเคให้เวลาเดือนกว่าๆ

สำหรับท่านที่ออกรถใหม่ ท่านทำถึงแค่นี้ก็โอเคจบแล้ว ท่านปริ๊นท์หน้านี้ที่จองได้เนี่ยส่งต่อให้ไฟแนนซ์หรือเซลส์ไปดำเนินการจดทะเบียนให้ท่านได้เลย ได้เลขที่ต้องการแน่นอน

สำหรับท่านที่จะเปลี่ยนทะเบียนแบบผม พอจองได้แล้วก็ยังจดไม่ได้ทันทีนะ ต้องรอให้เลขรันมาจนถึงหมวดและเลขที่เราจองไว้ ให้ดูจากตารางจองเลขครับ ช่องขวาสุด ปัจจุบันจดทะเบียนถึงเลข ถ้ามันถึงหมวดและเลขที่ท่านจองไว้ สำหรับรถเก๋งท่านก็ไปกรมขนส่งฯ อาคาร 2 ชั้น 2 ได้เลย โดยเตรียมเอกสารไปดังนี้

1. ใบคู่มือจดทะเบียนรถ (ตัวจริง) เล่มสีฟ้าๆนั่นแหละ
2. สำเนาบัตรประชาชน
3. แบบคำขออื่นๆ (คลิกแล้วปริ๊นท์ออกมากรอก)
4. ปริ๊นท์ใบเลขทะเบียนที่เราจองได้จากหน้าเว็บติดไปด้วยก็จะดี (อำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่)

แบบคำขอท่านก็กรอกไปตามจริง ส่วนข้อมูลส่วนตัว  ส่วนล่างตรงมีความประสงค์ให้กรอกไปว่า ขอเปลี่ยนเลขทะเบียนรถจากเดิม xxxxxx กรุงเทพมหานคร เป็น xxxxxx กรุงเทพมหานคร แล้วก็ส่วนแนบหลักฐานก็กรอกไป 1. ใบคู่มือจดทะเบียน 2. สำเนาบัตรประชาชน แล้วก็เซ็นชื่อให้เรียบร้อย

รวบรวมเอกสารให้ครบตามข้างบน ไปกรมการขนส่งฯจตุจักร เดินขึ้นอาคาร 2 ชั้น 2 เข้าไปข้างในเลี้ยวซ้ายไปช่องที่ 30 ได้เลย (ไม่ต้องไปสนใจแถวคิวที่เขาตรวจเอกสารรับบัตรคิว อันนั้นคนละส่วนงานกันเป็นพวกโอนรถ ไม่เกี่ยวกับเปลี่ยนทะเบียน อย่าไปหลงต่อคิวเหมือนผมนะ เสียเวลาไปสิบนาทีไม่ได้อะไรเลย)

ให้เดินเข้าไปหลังเคาน์เตอร์ช่องที่ 30 จะมีประตูให้เข้าไป ไปต่อคิวข้างใน จะมีจนท.อยู่ 2 คน ท่านก็ไปยื่นคำร้องพร้อมเอกสารทั้งหมด จนท.จะตรวจดูความถูกต้อง เอกสารทั้งหมดจนท.จะเก็บไว้เพื่อดำเนินการ แล้วเราจะได้ใบรับเรื่องแบบข้างล่างนี้กลับมาใบเดียวครับ

จนท.บอกผมว่า ใช้เวลาดำเนินการ 3 วันทำการ พอครบ 3 วันให้โทรมาถามตามเบอร์ในใบนี้ แจ้งเลขที่ลงรับ แล้วเขาจะเช็คให้ว่าเรื่องเรียบร้อยหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วก็ไปกรมฯ เอาใบรับเรื่องนี้กลับมาหาจนท.คนเดิม พร้อมจ่ายค่าธรรมเนียมสลับเลข 775 บาท (ของผมคัดเล่มคู่มือจดทะเบียนใหม่ด้วยเลยต้องเสียเพิ่มอีก 50 บาท เล่มเก่าหน้าเสียภาษีจะเต็มแล้ว รถเก่าใช้นาน ฮ่าๆๆ) เขาบอกว่ามาวันนั้นให้เอาป้ายทะเบียนเดิมมาด้วย พอชำระเงินแล้วก็จะได้เอาป้ายเก่าไปแลกป้ายใหม่มาเลย เย้!

ผมมาวันที่ 22 เม.ย.นี้ ตอนแรกคิดว่ามาวันเดียวจบ ผมถอดแผ่นป้ายทะเบียนเก่ามา 2 แผ่นหน้าหลัง กะว่าได้แผ่นใหม่เลย สรุปคือถอดมาเก้อครับ ยังไม่ได้ทันที ต้องมาอีกรอบนึง เพราะฉะนั้นท่านที่มาอ่าน ยังไม่ต้องถอดแผ่นป้ายมานะครับ เอาแค่เอกสารก่อน ป้ายนัดรับอีกทีนึง 3 วันให้หลัง ค่อยถอดมาวันนั้นนะ 😀

วันที่จะรับป้ายก็ขึ้นมาอาคาร 2 ชั้น 2 ที่เดิม เอาใบรับเรื่องมาด้วยนะ แล้วก็ตรงดิ่งไปที่จนท.ที่เรายื่นเรื่องไว้(ห้องข้างหลังช่อง30นั่นแหละ) แล้วรับเล่มออกมาเอาไปทิ้งไว้ที่เคาน์เตอร์ช่อง 29-30 แล้วรอเจ้าหน้าที่เรียกจ่ายเงินค่าธรรมเนียมครับ เพื่อเอาใบเสร็จรับเงินและใบสี่เหลี่ยมภาษีรถยนต์ประจำปี(ที่เป็นเลขทะเบียนใหม่แล้ว)ไว้แปะหน้ากระจกรถ

พอได้รับใบเสร็จกับใบภาษีสี่เหลี่ยมแปะกระจกแล้ว ให้เดินลงบันไดทางซ้ายมือไปที่ชั้น 1 ด้านล่าง จะมีเจ้าหน้าที่แผนกจ่ายป้ายทะเบียนรออยู่ เราก็นำป้ายทะเบียนเก่า 2 ป้ายกับใบเสร็จรับเงินไปโชว์เขา แล้วเขาก็จะนำป้ายทะเบียนเลขใหม่ที่เราจองมาให้ เป็นอันจบกระบวนการครับ 😀

ผมหวังว่าโพสต์นี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนเลขทะเบียนใหม่ทุกท่านครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ ขอให้ได้เลขทะเบียนสวยๆที่ต้องการครับ อ้อ! ไอ้พวกเลขเรียงๆ ตองๆ คู่หาบ คู่สลับ เช่น 9999 9669 6969 1234 1111 ไม่ต้องพยายามมาหาจองในเว็บนะครับ ไม่มีซะหรอก เขาเอาไปประมูลโน่น! 9999 ได้ข่าวว่าประมูลกันหลายล้านบาท 😀

สิ้นศรัทธาพระศาสนา นักบวชห่มเหลืองทำเสื่อม ชาวพุทธควรทำอย่างไร

สืบเนื่องจากอ่านบทความของ คุณดังตฤน ในเพจเฟซบุ๊ก

เขียนได้โดนใจผม ตรงกับช่วงนี้พอดี มีข่าวเสื่อมเสียจากนักบวชที่ห่มผ้าเหลืองแต่ไม่ได้ปฏิบัติตนตามพระวินัย ไม่ปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นจากวัฏฏะสงสาร ให้สมกับที่เป็นลูกขององค์สมเด็จพระประทีปแก้ว

แล้วก็มีคนที่มีศรัทธามีบารมีอ่อน เห็นข่าวแล้วหวั่นไหว โวยวาย ศาสนาเสื่อม พระเสื่อม ไม่นับถือแล้ว เลิกๆ ไปทำบุญกับสัตว์ กับเด็ก กับคนชรา ดีกว่า แล้วก็พลอยกันสาปแช่งนักบวชเหล่านั้น และเลิกนับถือเลิกทะนุบำรุงพระศาสนา มันควรเป็นแบบนี้หรือ? เป็นหน้าที่ของพระฝ่ายเดียวหรือที่ต้องดำรงพระศาสนา แล้วอุบาสก อุบาสิกาล่ะ? ก็จัดอยู่ในพุทธบริษัทด้วยนะ ไม่ใช่หน้าที่หรือที่ต้องช่วยทะนุบำรุงพระศาสนา?

ศาสนาเสื่อมจริงหรือ? พระสงฆ์ที่เป็น”พระ”จริงในพระศาสนา หาไม่ได้อีกแล้วในประเทศจริงหรือ? ความคิดแบบข้างต้น อุปมาเหมือนเราเห็นก้อนกรวดที่เอามาชุบทองย้อมแมวขายแล้วเราพบเข้า ก็โวยวายว่า โอย!ไม่ได้ใช้ไม่ได้ ทองคำไม่ได้เรื่อง เลิกๆไม่เอาแล้วทองคำ ทั้งๆที่ทองคำจริงๆก็วางอยู่อีกกองนึง แต่เลือกที่จะไม่มองไม่สนใจ คอยประกาศให้คนอื่นๆเลิกเก็บทองคำ เลิกสนใจทองคำแท้ไปด้วย? แล้วทองคำแท้ๆผิดอะไร ทำไมถูกพวกท่านไปชวนคนอื่นๆให้เลิกสนใจ…

แทนที่จะทำแบบนั้น ทำไมไม่ยิ่งทำตรงกันข้าม คือเร่งช่วยทะนุบำรุงพระศาสนา ส่งเสริม บูชา ประกาศเกียรติคุณพระดี พระแท้ และทะนุบำรุงท่านตามหน้าที่พุทธบริษัทที่ดี และนักบวชห่มเหลืองก็ช่วยกันไม่ยุ่ง ไม่เกี่ยว รายงานความผิดปกติไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (ถ้าไม่ไหวก็ปล่อยวางอุเบกขา แล้วหันไปส่งเสริม”พระ”ดีแทน) นี่ไม่ใช่หรือที่ชาวพุทธควรทำในเวลานี้…

จากความคิด ห้วงคำนึง พุทธมามกะ คนหนึ่ง

24 ก.พ. 58

ปรเมษฐ์ พันธุ์พาณิชย์

วันนี้วันเกิดครบรอบ 34 ปี แก่จัง…

วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 34 ปีของผมเองครับ

มีป๊า แม่ แน้ท แม่แถม อั๋น บาส ใบบัว มาร่วมฉลองในงานปาร์ตี้วันเกิดผมเอง

อายุ 34 แล้วตรู….

โต้โผจัดงานในครั้งนี้ คุณอั๋น ภรรยาสุดที่รักของผม

คุณย่า ถ่ายกับหลานทั้งสองคน

 

ถ่ายกับป๊า แม่ และเจ้าบาส

 

วันเกิดปีนี้ก็ดีครับ มีความสุขดี ได้อยู่กันพร้อมหน้า พ่อ แม่ ลูก ปู่ ย่า ยาย อา แค่นี้ก็พอแล้วครับ ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้

เหลือแค่เป้าหมายเรียนโท MBA ให้จบ และออกมาลุยช่วยงานคุณอั๋นดูแลธุรกิจของครอบครัวของเรา เพื่อสร้างหลักปักฐานให้ลูกๆของเราได้มีอนาคตที่ดีและมีโอกาสเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีของสังคมต่อไปในอนาคต

 

บันทึกโดย

ปรเมษฐ์ พันธุ์พาณิชย์

Mission Possible Lose 7kg in 2 Months (Episode V)

ขอรายงานผลน้ำหนักครับห่างจากคราวที่แล้วเป็นเดือน ผมเบิ้ลสองให้เลยแล้วกัน

วันที่ 15 มี.ค. ประมาณ 3 สัปดาห์จาก Episode 4 ลดไปแค่ประมาณ 0.7kg เองครับ อยู่ที่ 79.5kg

 

ถ่ายเมื่อเช้านี้เอง 23 มี.ค. ห่างจากคราวที่แล้ว 8 วัน เหลือ 78kg แล้วครับผม (เท่ากับบรรลุเป้าหมายแรกที่ประกาศไว้แล้วครับ!)

 

เฮ้อ……จะบอกว่า ยิ่งลดยิ่งขี้เกียจออกกำลังกายมากๆเลยครับ ตั้งเป้าจะไปวิ่งตอนเช้า สรุปคือไม่ตื่นเลยครับ แป่ววว…..

 

แต่ยังดีที่ผมไปซื้อเชือกมากระโดดอยู่พักนึง โดดได้หลายวันอยู่ครับ จนสามารถโดดต่อเนื่อง 200 ครั้งใน 1 เซ็ทได้โดยไม่ติดหรือสะดุด (อารมณ์ประมาณพวกนักมวยเขาโดดกันนั่นแหละ) โดด 1 เซ็ท พัก 2 นาที แล้วโดดต่ออีก 1 เซ็ท ช่วงฟิตๆโดดคืนนึงได้ประมาณ 5-6 เซ็ทเลยนะครับ น่องโป่งกันเลยทีเดียว แต่ผมว่ามันก็เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกันนะ เหงื่อก็ออกดี หัวใจก็เต้นเร็ว โดยเฉพาะช่วงที่โดดไป 100 ครั้งกว่าๆขึ้นไป เริ่มหายใจแรง หัวใจสูบฉีด ผมกะเอาเองว่าน่าจะอยู่ในระดับคาร์ดิโอโซนครับ แต่ช่วงมันจะสั้นมาก เพราะเซ็ทนึงผมโดดแป๊บเดียว 1 นาทีกว่าๆก็ครบแล้ว มันอาจจะไม่ได้ผลดีเท่าจ๊อกกิ้ง ที่ต้องวิ่งต่อเนื่องยาวนานกว่า แต่ยังไงผมว่าได้โดดเชือกมันก็ยังดีกว่าไม่ได้ออกกำลังกายอะไรเลยครับ เหมาะมากกับคนที่ขี้เกียจออกไปหาที่วิ่งหรือไปเข้าฟิตเนส อันนี้ไม่ต้องเลย แค่มีเชือกกระโดด 1 ชุด พื้นที่ในบ้านซัก 2-3 ตร.ม. แค่เนี้ยเอง คุณก็ออกกำลังได้แล้ว เพราะฉะนั้น อย่า….อย่ามาทำเป็นอ้างโน่น อ้างนี่อะไรทั้งสิ้น ถ้าใจคุณแน่วแน่พอ มุ่งมั่นที่จะลดน้ำหนัก คุณก็ต้องหาทาง burn calories / burn fat ออกไปครับ

 

ส่วนเรื่องควบคุมอาหาร ผมก็ยังทำเหมือนเดิมนะ แต่อาจจะลดความเข้มลงไปบ้าง ตามความขี้เกียจของผม แต่ว่ายังไงๆผมก็ลดมาได้ 7 ก.ก.แล้วนะครับ ในเวลาไม่ถึง 2 เดือน

ส่วนเป้าหมายผมในเดือนข้างหน้า ผมจะพยายามทำให้มันลงไปจนเหลือซัก 75kg ครับ แล้วเรามาดูกัน Episode หน้า….

Mission Possible Lose 7 kg in 2 months (Episode IV)

รายงานผลครับผ่านมา 17 วัน

ชั่งเมื่อเช้านี้ครับ ประมาณ 80.2 kg ลดไปประมาณ 5 kg แล้วนะครับ

 

ขอสารภาพเลยว่า แทบไม่ได้ตื่นไปวิ่งเลยครับ นอนดึกทุกคืน เที่ยงคืนครึ่ง ตีหนึ่ง ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีห้าครึ่งก็ตื่นนะครับ ตื่นมากดนาฬิกาปลุกแล้วก็หลับต่อซะงั้น สรุปได้วิ่งครั้งนึงมั้งครับ แต่ที่ลดลงมาได้ 2-3 กก.จากครั้งที่แล้วนี่ สงสัยจะเป็นเพราะการจำกัดและควบคุมอาหารแค่อย่างเดียวนี่แหละครับ คือมื้อเช้าแทบจะไม่ได้แตะข้าวเลย บางวันก็กินแค่โยเกิร์ต+ไข่ดาว 2 ฟอง(กินแต่ไข่ขาว) ส่วนมื้อเที่ยงก็ตัดปริมาณข้าวออกไปเลยครึ่งนึงหรือบางทีก็เหลือแค่ทัพพีเล็กๆทัพพีเดียว กับข้าวก็เน้นผักๆ พยายามเลี่ยงเนื้อหมู เนื้อวัว ไปกินปลา กินไก่(ไม่กินหนังมันนะ) มื้อเย็นก็กินแต่ผลไม้มั่ง หรือทนไม่ไหวก็กินข้าวเหมือนกัน(สูตรทัพพีเดียวเหมือนเดิม) น้ำหนักมันก็ลงได้เนอะ

 

อาจจะเป็นที่ผมโชคดี มีเมตาบอลิซึ่มในร่างกายสูงก็ได้ เพราะผมเป็นคนเหงื่อออกง่าย ขี้ร้อน ผมเดาเอาเองนะว่าระบบร่างกายผมมันเผาผลาญพลังงานสูงกว่า average คนทำงานออฟฟิศทั่วไป จริงๆตรงนี้เขามีผลทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุนว่าคนเราเนี่ยต้องเผาผลาญพลังงานตลอดเวลา แม้แต่เวลาหลับก็ใช้พลังงาน (ในการทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่น หัวใจ กระเพาะอาหาร ลำไส้ มัดกล้ามเนื้อ ฯลฯ) แต่จะมากบ้าง น้อยบ้างก็ขึ้นอยู่กับแต่ละกิจกรรม แต่ละบุคคลไป

 

แต่ยังไงผมก็ยังยืนยันว่า ถ้าคุณผู้อ่านจะตั้งใจลดน้ำหนักแบบธรรมชาติ ไม่พึ่งยา มีหลักการง่ายๆเหมือนที่เขียนไว้ในภาคแรกๆ ก็คือ

1. จำกัดปริมาณ และควบคุมชนิดของอาหารที่จะรับประทานเข้าไป พยายามศึกษาเรื่องแคลอรี่และไขมันให้เยอะ หลีกเลี่ยงไฮแคลอรี่ ไฮแฟทให้ห่างๆเลย
2. เผาผลาญพลังงานด้วยการออกกำลังกาย ในช่วงคาร์ดิโอโซนจะได้ผลดีที่สุดครับ
3. ท่องไว้ให้ขึ้นใจเลยว่า ต้องเผาผลาญไขมันและพลังงานออกไป ให้มากกว่าที่จะกินเข้ามาใหม่เสมอ ไม่งั้นทำให้ตายยังไงน้ำหนักก็ไม่ลดครับ

เหลืออีกแค่ 2 กก.เท่านั้นก็จะบรรลุเป้าหมาย 78 กก.แล้ว เหลือเวลาอีกตั้งเดือนกว่าๆ

ผมขอปรับเป้าหมายใหม่เลยดีกว่า ให้มันท้าทายยิ่งขึ้น ขอตั้งเป้าหมายใหม่เป็นลดให้เหลือ 75 กก.ให้ได้ในวันที่ 2 เม.ย.นี้ครับ

สรุปคือยังไงมันต้องตื่นมาวิ่งตอนเช้าแล้ว หรือไม่งั้นก็ต้องมาวิ่งตอนเย็นๆค่ำๆหลังกลับจากออฟฟิศหรือกลับจากเรียนหนังสือป.โทภาคค่ำ (โห โหดมาก)

ผมจะทำสำเร็จหรือไม่กับเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายมากสำหรับตัวผม

โปรดติดตามภาคต่อไปครับ…..

วันเกิดใบบัวครบรอบ 2 ขวบ

ปาร์ตี้-บาร์บีคิวซีฟู้ด ฉลองวันเกิดน้องใบบัว

วันนี้ 14 ก.พ. 53 ตรงกับวันวาเลนไทน์  และแน่นอนเป็นวันเกิดหนูด้วยค่ะ หนูครบ 2 ขวบแล้วค่ะ

ถ่ายกับพี่หมี ของขวัญจากอาแน้ท

ขออีกมุม

ทีมงานชุดบาร์บีคิวซีฟู้ด ยายแถมกับป้าหร่อย

กุ้ง ปลาหมึก เอาไปย่าง

ทีมงานกิน ปู่กับอานัท

ซีฟู้ด…อร่อยมาก!

 

ถ่ายกับอาแน้ทและพี่บาสค่ะ

พี่บาสถ่ายกับปู่ อาแน้ท

ถ่ายกับปู่ พ่อ และก็พี่บาสค่ะ

เค้กวันเกิดหนู

อิ อิ ชอบๆ จะได้ร้องเพลง และได้เป่าเค้ก

มาดูคลิปเป่าเค้กวันเกิดของหนูกันค่ะ

 

พี่บาสนี่แจมทุกงานเลย ถ้าพ่อไม่ขวางไว้คงแย่งหนูเป่าเทียนก่อนแน่เลย อิ อิ

บ๊าย บายนะค้า….แล้วเจอกันใหม่ค่า…..

น้องใบบัว รายงาน

ด.ญ.ศิรภัสสร พันธุ์พาณิชย์ อายุ 2 ขวบ

Mission Possible lose 7 kg in 2 months (Episode III)

รายงานผลหน่อยครับ ผ่านมา 1 สัปดาห์

น้ำหนักชั่งเมื่อเช้านี้เอง 83 ก.ก. เป๊ะ!

สรุปแล้วก็ลดลงไป 2 ก.ก.นะครับ ในช่วงเวลา 1 สัปดาห์

มาดูกันว่าผมทำอะไรไปบ้าง

อาหาร

ผมพยายามที่จะลดปริมาณข้าวลงไปอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของที่เคยกิน ข้าวเต็มจาน ก็เหลือแค่ครึ่งจาน หรือเหลือแค่ทัพพีเดียวในมื้อเย็น

กับข้าว ผมก็พยายามกินผักเยอะๆ เลี่ยงอาหารทอดๆ ผัดๆ ที่ต้องใช้น้ำมันเยอะ ไปทานอาหารพวกนึ่ง อบ ปิ้ง ย่าง

เลี่ยงเนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ ไปกินเนื้อปลา และอาหารทะเลแทน ส่วนกาแฟผมกินกาแฟดำเลยครับ ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่ครีมอะไรทั้งนั้น เพียวๆผสมน้ำร้อน โคตรขมเลยครับ แต่มันจะช่วยเร่งเมตาบอลิซึ่มของร่างกายให้เผาผลาญพลังงานมากขึ้นนะครับ

 

จะเล่าให้ฟังว่าวันแรกผมลองพยายามหักดิบ คือไม่แตะข้าวเลย ในมื้อเช้าและมื้อกลางวัน เช้ากินกล้วย 1 ผล กับนมข้าวโพด 1 กล่อง กลางวันกินกล้วยแค่ 2 ผล ดื่มน้ำตามมากๆ

ปรากฎว่าทรมานสุดๆ หิวมากเลยครับ แทบจะเป็นลม สรุปคือไม่เวิร์กนะครับ ถ้าใครจะหักดิบแบบนั้น เดินสายกลางดีกว่า ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆลดอาหารและควบคุมชนิดอาหารที่จะกิน จะดีกว่าครับ

 

การออกกำลังกาย

ต้องขอสารภาพตามตรงเลยว่า ความขี้เกียจเอาชนะความอยากผอมของผมไปหลายวันเลยล่ะครับ ความขี้เกียจมันจะหาข้ออ้างมาสนับสนุนการไม่ยอมตื่นไปวิ่งได้เสมอ

(นอนดึกมั่งล่ะ วันนี้มีประชุมแต่เช้ามั่งล่ะ เพราะฉะนั้นอย่าไปยอมแพ้มันนะครับ ไอ้ตัวขี้เกียจเนี่ย เอาชนะมันให้ได้)

ผมตั้งเป้าไว้ว่าต้องไปวิ่งจ๊อกกิ้งให้ได้ทุกวัน แต่ผลออกมาจริงๆ ผมทำได้แค่จ๊อกกิ้ง 1 วัน (วันแรก) และว่ายน้ำ 1 วัน (วันอาทิตย์) สรุปคือจาก 7 วัน ทำได้แค่ 2 วันเอง น้อยมากๆ

แต่ทั้ง 2 วันที่ผมไป ผมก็ทำเต็มที่นะ วันแรกที่ตื่นไปวิ่งตอนตี 5 ครึ่ง ก็วิ่งอยู่ประมาณ 25 นาทีได้ เหนื่อยและปวดเมื่อยขาสุดๆ

ส่วนวันที่ว่ายน้ำ นั่นก็ไปเที่ยวกับครอบครัว ไม่สะดวกไปวิ่ง ก็เลยเลือกว่ายน้ำแทนในเช้าวันอาทิตย์ ว่ายอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงเต็มๆ ยอมรับเลยว่าไม่เคยว่ายน้ำอะไรได้เหนื่อยขนาดนี้มาก่อน คือว่ายท่ากบอยู่ท่าเดียว (ท่านี้ผมถนัด และว่ายได้อึดสุด) ไป – กลับ อยู่หลายรอบมากครับ คือไม่ได้นับรอบ ไม่ได้จับชีพจร ใช้ดูการหายใจของตัวเองเอาน่ะครับ

 

เขาเรียกว่า Talk Test คือ ออกกำลังจนเหนื่อยในระดับที่ยังพอพูดออกมาได้บ้างเป็นคำๆ นิดหน่อย ถือว่ากำลังดี แต่ถ้าออกกำลังจนเหนื่อยหอบ พูดกับใครไม่ได้เลย นั่นคือหนักเกินไป เกินระดับ Cardio Zone ไปแล้ว ถ้าออกกำลังแล้วยังพูดกับใครได้สบายบรื๋อ พูดได้เป็นประโยคยาวๆ ไม่มีติดขัด นั่นแสดงว่าคุณยังออกกำลังไม่ถึงระดับ Cardio Zone ครับ

 

เกร็ดความรู้: การออกกำลังที่เผาไขมันและแคลอรีได้ดีสุดก็คือ ในระดับ Cardio Zone นะครับ ประมาณ 70% – 80% ของ Maximum Heart Rate (ช่วงอายุผมจะอยู่ประมาณหัวใจเต้น 130 – 149 ครั้งต่อนาที) และควรจะออกให้ได้อย่างน้อยๆวันละ 30 – 45 นาที สัปดาห์ละ 4-6 ครั้ง ช่วง Cardio Zone นี้จะเผาทั้งคาร์โบไฮเดรตและไขมันอย่างละเท่าๆกันครับ

สูตร MHR = 220 – อายุของคุณ

 

แผนของสัปดาห์นี้

ต้องเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้วครับ

มื้อเย็นผมจะงดข้าวเด็ดขาด กินแต่พวกสลัดผัก หรือผลไม้ให้หลากหลาย ส่วนมื้อเช้า กลางวัน ก็จะลดปริมาณข้าวลงอีก ถ้ากลัวขาดสารอาหารก็อาจดื่มนมโลว์แฟตได้บ้างในบางมื้อ หรือกินโยเกิร์ตเพิ่ม หรือหาวิตามินรวมมาทานเสริมก็ได้ครับ ช่วยบำรุงร่างกายได้ดี

ผมต้องเข้านอนให้ได้ก่อน 5 ทุ่ม (ปกติผมนอนดึก หลังเที่ยงคืนทุกที) เพื่อตื่นขึ้นมาตอนตีห้าครึ่งไปวิ่งจ็อกกิ้ง ผมต้องตื่นขึ้นมาวิ่งให้ได้อย่างน้อยๆ 4 วันใน 1 สัปดาห์ วิ่งครั้งนึงต้องให้มันเหนื่อยถึงระดับ Cardio Zone ต่อเนื่องซัก 30 นาทีขึ้นไป

 

โปรดติดตามตอนต่อไป…..Episode 4 ว่าผมจะทำสำเร็จหรือไม่

Mission Possible Lose 7 kg in 2 months (Episode II)

หลักการพื้นฐานของการลดน้ำหนัก

ผมเชื่อเลยว่าหลายคนรู้ แต่ทำไม่ได้ซักทีใช่ไหมครับ

หลักการหรือแนวคิดพื้นฐานสากลของการลดน้ำหนักคือ "เผาผลาญพลังงานให้มากกว่า ที่บริโภคเข้าไป" ประโยคสรุปสั้นๆ ได้ใจความ แต่หลายคนทำไม่ได้ซักกะที เพราะมีปัจจัยเรื่อง "พลังใจ" ที่ยังขาดความมุ่งมั่น แน่วแน่ จึงทำให้ไปถึงเป้าหมายได้ยาก วิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้อง ประกอบด้วย

– การควบคุมอาหาร

– การออกกำลังกาย

– การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม

– การปรึกษาแพทย์ (กรณีหมดหนทางแล้ว)

การลดน้ำหนักที่ถูกหลักคุณจะต้องพึ่งตนเองก่อนเป็นคนแรก ดังนั้น 3 วิธีแรก จึงมีความสำคัญมากที่จะทำให้คุณลดน้ำหนักลงได้จริง ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดเมื่อคุณยอมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมให้ได้ ก็จะทำให้การควบคุมน้ำหนัก และการออกกำลังกาย ทำได้ง่ายขึ้นด้วย

 

เป้าหมายการลดน้ำหนักที่ควรเป็น

ร้อยทั้งร้อยคนอ้วนส่วนใหญ่เวลาลดน้ำหนักมักจะใจร้อน อยากลดเร็วๆ ลดมากๆ ทั้งๆที่กว่าจะสะสมความอ้วนได้ต้องใช้เวลาแรมปี ตามหลักวิทยาศาสตร์และเป้าหมายที่เหมาะสมที่สุดของการลดน้ำหนักคือ ควรลดน้ำหนักลงอย่างช้าๆ และลดลงเพียง 5-10 % ของน้ำหนักตั้งต้นก็เพียงพอแล้วที่จะลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ที่มากับความอ้วน การลดลงสัปดาห์ละ 0.5 กิโลกรัม คือมาตรฐานที่ดีที่สุด และควรระลึกไว้ให้สนิทใจว่า ตราบใดที่ยิ่งลดลงเร็วๆ เช่น 1-2 กิโลกรัม/สัปดาห์ น้ำหนักก็ยิ่งดีดกลับขึ้นเร็วเท่านั้น และมากกว่าเดิม ที่เรียกว่า "โยโย่" ซึ่งในคนที่ลดน้ำหนักลงเร็วๆ ก็จะยิ่งเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจด้วยถึง 10 %

คนไทยชอบพึ่งยา และปัจจัยภายนอกโดยไม่แก้ไขที่ตนเองก่อน ผมฟันธงได้เลยว่าถ้าลดความอ้วนโดยทั้งที่ถูกวิธี และไม่ถูกวิธี แต่ไม่พร้อมที่จะแก้ที่ตัวเองเลยเนี่ย น้ำหนักที่ลงแล้วจะกลับขึ้นมามากกว่าเดิม ภายในเวลา 1 ปี เกือบ 100 % ดังนั้นการลดน้ำหนักต้องทำให้ถูกวิธีและลดแล้วก็ต้องคุมให้ได้ การลดน้ำหนักลงเพียง 5-10 % ก็ลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ลงได้อย่างชัดเจน

 

เทคนิคการวางแผนตั้งเป้าหมายการลดน้ำหนัก ลดไขมัน

เทรนเนอร์ประจำตัวของเหล่านางแบบและดาราดังที่สามารถเสกให้พวกเธอผอมเพรียวลงได้ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ส่วนใหญ่จะแนะนำให้เตรียมวางแผน และจัดโปรแกรมลดน้ำหนักและลดไขมันในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งในทางหลักจิตวิทยานั้นก็สนับสนุนข้อนี้ เพราะการวางแผนตั้งเป้าหมายในระยะสั้นจะกระตุ้นเราได้มากกว่าแผนระยะยาวที่ดูน่ากลัว ชวนให้ท้อง่ายเสียเหลือเกิน

 

แม้ความเป็นจริงนั้น การลดน้ำหนักคงเป็นไปไม่ได้อย่างทันทีทันใดในเวลา 1 เดือน แม้น้ำหนักจะลดลงให้เห็น 2-3 กก.ให้เราได้ตื่นเต้น แต่กว่าเราจะมีหุ่นที่เพอร์เฟกต์สมปรารถนาได้ก็ต้องใช้เวลาลดต่อไปอีกหลายเดือนเหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละ ผลที่เห็นได้ในระยะสั้นย่อมจะทำให้เรามีกำลังใจที่จะลดต่อไปในระยะยาวได้เอง การวางแผนระยะสั้นนั้นให้ยึดเอาวันพิเศษๆ ที่กำลังจะมาถึงใน 1-2 เดือน อย่าพยายามวางแผนนานกว่า 8 สัปดาห์ เพราะมันจะทำให้ดูเป็นโครงการใหญ่ ที่ยากจะสำเร็จได้ง่ายๆ

 

ถ้าเพื่อนของคุณชวนไปทะเลในสองเดือนข้างหน้าที่มีวันหยุดยาวต่อเนื่องกัน คุณก็เริ่มจัดโปรแกรม 60 วันลดน้ำหนักให้ตัวเอง จริงจังกับการควบคุมอาหาร ออกกำลังกายเผาผลาญไขมันเร่งด่วน ตลอดโปรแกรมต้องตั้งใจจริง แล้ววัดผลทุกสัปดาห์ ในที่สุดก็จะเห็นว่ามันคุ้มค่าที่ได้ทุ่มเทแม้เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ

 

วาระโอกาสพิเศษๆ ที่เราจะยึดเอามาเป็นตัวตั้งในการจัดโปรแกรมลดน้ำหนักให้ตัวเองก็มีอยู่มากมายหลายโอกาส เช่น

• อีก 5 สัปดาห์จะเป็นวันแต่งงานของเพื่อนสนิท  หรือญาติ
• อีก 6 สัปดาห์น้องชายจะรับปริญญา
• อีก 10 วัน จะถึงนัดเดตวันวาเลนไทน์
• อีก 2 เดือนจะถึงเทศกาลวันหยุดยาว ที่ได้นัดไปเที่ยวกับแก๊งเพื่อนไว้ (ซึ่งอาจจะได้เจอคนที่ถูกใจด้วย)
• อีก 2 เดือนจะได้ย้ายไปทำงานที่ฝ่ายใหม่ หรือเริ่มเข้าทำงานบริษัทใหม่
• อีก 6 สัปดาห์จะถึงงานฉลองวันเกิด ที่นัดเพื่อนๆมากันเต็มเลย

นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ ที่จะช่วยให้คุณพอมองออกว่าควรจะจัดโปรแกรมสั้นๆ กับวันพิเศษง่ายๆ ที่ใกล้จะมาถึงได้อย่างไร วันที่รออยู่ข้างหน้าในระยะใกล้ จะทำให้คุณสนุกและตั้งอกตั้งใจที่จะลดน้ำหนักให้ได้โดยไม่รู้สึกกดดันหรือเคร่งเครียดอะไรนัก

นักโภชนาการบางคนยืนยันว่าเป้าหมายระยะสั้น แม้ว่าวันต่อวันก็ถือเป็นเรื่องดีแล้ว อย่าไปคิดถึงเป้าหมายระยะยาวว่าฉันจะเป็นเจ้าของรูปร่างดีให้ได้ในครึ่งปีนี้ แต่จงคิดว่า "วันนี้ฉันจะออกกำลังกายเผาผลาญไขมันให้ได้นานถึง 45 นาทีเต็ม และจะกินแค่ผักลวกจิ้มน้ำพริกเท่านั้นในมื้อเย็น" ถ้าคุณทำได้ในวันนี้ พรุ่งนี้คุณก็จะมีพลังใจเข้มแข็งมากพอที่จะทำได้อีก เพียง 4-5 วันคุณก็จะได้ภาคภูมิใจกับตัวเลขบนหน้าปัดที่ชั่งน้ำหนักที่หายไป 1-2 กก.เชียวล่ะ และนี่ก็คือผลดีเยี่ยมของการวางแผนและตั้งเป้าหมายในระยะสั้นนั่นเอง

 

งั้นผมเริ่มตั้งเป้าของวันพรุ่งนี้ดีกว่านะครับ

ผมจะออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งแต่เช้าให้ได้ซัก 20 นาที (ครั้งแรกขอแค่นี้ให้ได้ก่อน เดี๋ยวค่อยเพิ่มเวลาทีหลัง พอร่างกายเริ่มชินและปรับตัวได้ เวลาที่เหมาะสมคือ 30-45 นาทีต่อเนื่องกัน ประมาณ 4-6 ครั้งต่อสัปดาห์)

มื้อเช้า: น้ำเต้าหู้ใส่ลูกบัว ลูกเดือย 1 แก้ว + ขนมปัง 1 แผ่น

มื้อเที่ยง: เกาเหลาน้ำ ใส่ผักมากๆ + ข้าวสวย 1 จานเล็ก + ส้มเขียวหวาน 1 ผล

มื้อเย็น: แป๊ะซะปลาช่อน กินกับผักเยอะๆ ไม่กินข้าว

 

เพี้ยง! ถ้าผมมุ่งมั่นควบคุมอาหาร และออกไปจ๊อกกิ้งได้ทุกวันตามที่วางแผนไว้ สัปดาห์หน้าตอนถ่ายหน้าปัดตาชั่งมาโชว์ ยังไงมันก็ต้องลงแน่นอนครับ แล้วมาดูกันวันนั้นครับ

โปรดติดตาม Episode 3 ตอนต่อไปครับ……

ผมจะลดน้ำหนักให้ได้ 7 กก.ภายใน 2 เดือน — Mission Possible 7 kg in 2 months (Episode I)

สวัสดีครับทุกท่าน

สืบเนื่องมาจากเพื่อนผม(หมอเหน่ง เสื้อขาวแถวบนคนที่ 2 จากขวา)มันมาจากอเมริกากลับมาเยี่ยมบ้าน ก็เลยเกิดแมทช์บาสรวมเพื่อนขึ้น เพื่อพบปะเล่นบาส รำลึกความหลังครั้งเยาว์วัย

นัดกันวันอาทิตย์ที่ 31 ม.ค. ที่โรงยิมร.ร.เซนต์คาเบรียล ซึ่งกำชัย(เสื้อดำ)เป็นศิษย์เก่าและเจ้าภาพในนัดนี้

การเล่นก็สนุกสนานดีครับ เล่นกับทีมที่เขาเล่นอยู่ประจำทุกอาทิตย์ เล่นแบบเต็มสนามด้วย ลองคิดดูครับว่าสำหรับอดีตนักบาสโรงเรียน นักบาสคณะอย่างผม ที่ไม่ได้แตะลูกบาสมาเป็นเวลา 3-4 ปีกว่าแล้ว จะหมดสภาพแค่ไหน? แหะ แหะ ตอบได้คำเดียวครับว่าหมดสภาพนักบาสจริงๆครับ ไม่ว่าจะจั๊มพ์ช็อต ระดับ 3-4 ม.แนวหัวกะโหลก ขึ้นวางรีเวิร์สใต้แป้นแบบง่ายๆ ที่เคยทำได้สมัยหนุ่มๆ มันหายไปหมดแล้วครับท่าน ยังดีที่ยังพอเลี้ยง และจ่ายได้อยู่ ไม่งั้นก็คงได้แค่วิ่งขึ้น-ลงไปมาอย่างเดียว แต่ก็นั่นแหละ…สำหรับคนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย เล่นกีฬาเลยกว่า 3-4 ปีอย่างผม วิ่งขึ้น-ลงสองสามรอบก็หอบแฮ่กๆแล้วครับ คอยแต่ชูมือเรียกเพื่อนมาเปลี่ยนตรูออกไปที ฮ่า ฮ่า…คิดแล้วก็สมเพชในสังขารตัวเองซะจริง จากคนที่เคยฟิตมากๆวิ่งขึ้น วิ่งลง บุก รับ ได้เป็นสิบๆรอบ เล่นบาสได้ติดๆกันหลายชั่วโมง มากลายเป็นแบบนี้ แหะ แหะ คิดแล้วก็เศร้า….สังขารมันไม่เที่ยงครับผม ต้องยอมรับสัจธรรมข้อนี้

ถึงผมจะยอมรับรื่องสภาพสังขารผมตอนนี้ แต่ผมก็รู้อยู่เต็มอกว่า ถ้าผมจะกลับมาฟิต ลดน้ำหนัก กลับมาซ้อมบาสใหม่ ก็ต้องทำได้ครับ ทุกอย่างอยู่ที่การศึกษา การกำหนดเป้าหมาย การวางแผนจัดโปรแกรม การประกาศเป้าหมาย ความมุ่งมั่นตั้งใจ และมีวินัยไม่ยอมแพ้ใจตัวเอง ก็ผมเคยทำได้มาแล้วนี่เมื่อปีที่แล้ว ลดน้ำหนักจาก 81 กก.เหลือ 78 กก.ใน 1-2 เดือน (แต่พอไม่ทำต่อเนื่อง น้ำหนักก็กลับมามากกว่าเก่าซะอีก) เพราะฉะนั้นสำหรับ Episode 1 นี้ผมขอเริ่มจากประกาศเป้าหมายระยะกลางก่อนเลยว่า

"ผมจะลดน้ำหนักให้ได้ 7 กก. ภายในวันที่ 2 เม.ย.หรืออีก 2 เดือนข้างหน้านี้"

น้ำหนักปัจจุบันของผม 85.3 kg ถ่ายเมื่อเวลาเที่ยงคืน ของคืนวันที่ 2 ก.พ.

เพราะฉะนั้น วันที่ 2 เม.ย. ผมต้องลดน้ำหนักให้เหลือ 78 kg ให้ได้ ฮึ่ม!คอยดูแล้วกัน

โปรดติดตาม Episode 2 สำหรับการวางแผนโปรแกรม "Mission Possible 7 kg in 2 months" ท้าทายตัวเองด้วยเป้าหมายระยะสั้นกันครับ

เด็กมหัศจรรย์ 4 ขวบ Kim Ye Eun – Wonder Baby

วันนี้ผมได้มีโอกาสท่อง YouTube เพื่อเปิดเพลง/การ์ตูนให้ลูกดู จนมาเจอคลิปนี้เข้า บอกได้คำเดียวว่า "สุดยอด" เชิญชมกันเองครับ

Wonder Baby – Kim Ye Eun (4 years old)

 

จะเห็นว่าคนเราเกิดมาพร้อมศักยภาพ และพรสวรรค์ในด้านใดด้านหนึ่งเสมอ

อยู่ที่ว่าใครจะหาเจอและปลุกมันออกมาใช้ได้ก่อนและมีประสิทธิภาพมากกว่ากันครับ